วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รายงานกลุ่มที่ 3 ยุทธศาสตร์การจัดการความรู้

ยุทธศาสตร์การจัดการความรู้

          ยุทธศาสตร์การจัดการความรู้ (จค.) ช่วยให้การดำเนินการจัดการความรู้ไม่เปะปะ เหวี่ยงแห ไม่เกิดสภาพที่มีการลงทุนลงแรง จค. อย่างมากมาย แต่ได้ผลน้อย หรือไม่สร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่องค์กร ไม่สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่องค์กรหากเลือกใช้ยุทธศาสตร์ จค. อย่างถูกต้อง การดำเนินการ จค. จะมีการลงทุนต่ำ แต่ได้ผลตอบแทนสูงยุทธศาสตร์การจัดการความรู้ที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นเพียงตัวอย่าง ผู้สนใจดำเนินการ จค. อาจใช้จินตนาการและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดยุทธศาสตร์ขึ้นใช้เองก็ได้ และถ้ามีการทดลองใช้และพิสูจน์แล้วว่าใช้การได้ดี ก็จะเกิดประโยชน์เป็นการเพิ่มองค์ความรู้ด้านหลักการและปฏิบัติการ (principle & practice) จค. ในประเทศไทย หรือในระดับสากล (ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช)
ยุทธศาสตร์ 6 กลุ่ม ของ APQC 

          APQC ย่อมาจาก American Productivity and Quality Center ได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการทำ จค. ไว้ 6 ประการคือ

1. ยุทธศาสตร์การจัดการความรู้ทั่วทั้งองค์กร

2. ยุทธศาสตร์ถ่ายทอดความรู้และวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด (best practice)

3. ยุทธศาสตร์ความรู้เกี่ยวกับลูกค้า

4. ยุทธศาสตร์ปัจเจกบุคคล

5. ยุทธศาสตร์จัดการสินทรัพย์ทางปัญญา (intellectual asset)

6. ยุทธศาสตร์สร้างความรู้และนวัตกรรม

ยุทธศาสตร์การจัดการความรู้ทั่วทั้งองค์กร

          เป็นยุทธศาสตร์ขององค์กรที่มีพื้นฐานด้านความรู้ดีมาก มีความเชื่อมั่นว่า จค. เป็นเรื่องคอขาดบาดตายต่อความเจริญในระยะยาว และต่อความสามารถในการแข่งขันขององค์กร และมีผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้นำอย่างเป็นทางการในด้านการจัดการความรู้ มีการดำเนินการ จค. อย่างครบถ้วนและเป็นระบบทั่วทั้งองค์กร และมักจะมีความเชื่อว่าความรู้เป็น “ผลิตภัณฑ์” อย่างหนึ่งขององค์กร 

ยุทธศาสตร์ถ่ายทอดความรู้และวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด

          มักใช้เป็นยุทธศาสตร์เสริม เพื่อพัฒนาการดำเนินการและพัฒนาความรู้ที่ฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์หรือบริการ เป้าหมายหลักอยู่ที่การลดระยะเวลาของการผลิต เพิ่มการตอบสนองต่อลูกค้า ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มยอดขาย โดยการทำฐานความรู้ขององค์กรไปบรรจบกับความต้องการของลูกค้า องค์กรที่ดำเนินการตามยุทธศาสตร์นี้จะเน้นการทำงานเป็นทีม เน้นความสัมพันธ์และการทำงานเป็นเครือข่ายสำหรับเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความรู้ องค์กรมักมีวิธีการที่หลากหลายในการส่งเสริมความร่วมมือกันในการถ่ายทอดความรู้ ตัวอย่างเช่น ศูนย์วิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด (best practice centers) ชุมชนแห่งการปฏิบัติ (community of practice) รวมทั้งมักจัดระบบสำหรับปรับโครงสร้างคลังข้อมูล และระบบการกระจายความรู้

ยุทธศาสตร์ความรู้เกี่ยวกับลูกค้า

          หลักการสำคัญคือ การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยการรวบรวม จัดระบบ และถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับลูกค้า ในด้านพฤติกรรมและแรงจูงใจของลูกค้า ความแตกต่างระหว่างยุทธศาสตร์นี้ กับกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์โดยทั่วไป อยู่ที่การเน้นความรู้ที่ได้มาจากการสอบถามลูกค้าเป็นสำคัญ

ยุทธศาสตร์ปัจเจกบุคคล 

          ยุทธศาสตร์นี้เน้นความเชื่อว่า ความรู้เป็นทรัพย์ส่วนบุคคลที่มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเป็นเจ้าของ จึงต้องมีมาตรการสนับสนุนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลให้ค้นหา คงไว้ และขยายความรู้ โดยมีเป้าหมายให้ทุกคนในองค์กรปรับความรู้ของตนให้ทันสมัยอยู่เสมอ รวมทั้งแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ความรู้ เพื่อให้ปฏิบัติงานได้อย่างสามารถ ยุทธศาสตร์นี้เน้นว่า จค. เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล ระบบอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบแรงจูงใจจึงต้องส่งเสริม การจัดการความรู้ระดับบุคคล และการถ่ายทอดความรู้ระหว่างบุคคล ให้การตอบแทนแก่การสอนงาน (coaching) การเป็นพี่เลี้ยง(mentoring) และการพัฒนาตนเองเป้าหมายหลักของยุทธศาสตร์นี้ คือ การสร้างวัฒนธรรมความรู้เข้มข้น

ยุทธศาสตร์จัดการสินทรัพย์ทางปัญญา  

          เน้นการจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ในกลุ่มสิทธิบัตร ขั้นตอนการทำงาน ลูกค้าสัมพันธ์ และสินทรัพย์เชิงโครงสร้าง การดำเนินการเน้นการประเมิน การจัดระบบ การตีค่า การรักษาความปลอดภัย การเพิ่มความพร้อมในการส่งมอบ และความพร้อมด้านการตลาดของสินทรัพย์เหล่านี้

ยุทธศาสตร์สร้างความรู้และนวัตกรรม

          เน้นการสร้างความรู้ใหม่ โดยการยกระดับความรู้เดิม เครื่องมือที่ใช้คือ “เกลียวความรู้” การดำเนินการตามยุทธศาสตร์นี้ทำให้เกลียวความรู้หมุนขึ้น ยุทธศาสตร์นี้ทำยาก เพราะต้องใช้นวัตกรรมและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เป็นองค์ประกอบสำคัญการจัดการความรู้เป็นองค์ประกอบสำคัญแต่ไม่เพียงพอสำหรับกิจกรรมริเริ่มสร้างสรรค์ ซึ่งต้องการองค์ประกอบอื่น ๆอีกหลายอย่าง เกี่ยวกับวัฒนธรรมและความสัมพันธ์


รูปเกลียวความรู้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น